รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น แบบจัดเต็ม!! ตอนที่ 1 สนามบินนาริตะ - เกียวโต - โอซาก้า




รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น 6 วัน 4 คืน แบบจัดเต็ม!!
วันที่ 27 พ.ค. - 1 มิ.ย.60 





                 สวัสดีค่ะ เรามีโอกาสได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับเดอะแก๊งค์ วันนี้ก็เลยจะมารีวิวการเที่ยวญี่ปุ่นแบบ Backpack  ซึ่งการไปเที่ยวในครั้งนี้เรามีภารกิจที่จะต้องทำด้วยนะ!!!

ภารกิจที่ว่านั้นมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยดีกว่า







ตอนที่ 1  สนามบินนาริตะ - เกียวโต - โอซาก้า


            
            วันแรก เดินทางจากดอนเมืองไปนาริตะ (ก่อนหน้านั้นเราได้ทำการ Booking โรงแรม และซื้อตั๋ว JRPass แบบ 7 วัน เรียบร้อยแล้ว)  นั่งเครื่องประมาณ 6 ชั่วโมงก็ถึงสนามบินนาริตะแล้วค่าาาาาาาา








               
            พอถึงสถานี Narita เราเลือกที่จะเดินไปโรงแรม แทนที่จะใช้ Shuttle Bus ของโรงแรม เพราะจะได้หาอะไรทานกันเป็นมื้อค่ำ   ระหว่างทางก็ได้เจอกับห้าง AEON ติดกับ Max Valu
เราเลยแวะเข้าไปหาอะไรทานที่นั่น!!




แนะนำเลยค่ะ หากเจอ Super Market ไม่ว่าจะของแบรนด์ไหนในญี่ปุ่น ตอนดึกๆ ลองแวะเข้าไปดูอาจมีอาหารลดราคา มีของน่ากินราคาเบาๆเยอะมากเลยยยยยยยยยยยยยยย





เดินอีกนิดเดียวก็ถึงโรงแรมที่เราจะพักกันคืนนี้แล้วค่ะ เป็นโรงแรมที่คนนิยมพักเพราะอยู่ใกล้สนามบิน







เช้าสดใส วันที่สอง รีบตื่นมาเก็บของ ทานข้าวและเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม





เบาะที่นั่งภายใน NEX จะเป็นแบบ 2-2  ถ้าเรามีบัตร JR PASS ที่ซื้อไว้แล้วนำไป Reserve ที่นั่งไว้ได้เลยค่ะ จะได้มีที่นั่งที่แน่นอน



หลังจากลงจาก NE'X แล้ว เราก็มาต่อ Shinkansen เพื่อนไปลงสถานี Kyoto กันค่ะ  บอกเลยว่าครั้งแรกจริงๆ สำหรับการนั่งชิงคันเซน คิดไว้ว่าถ้าว่าญี่ปุ่นต้องได้นั่งชิงคันเซนสักครั้งเอาไว้ไปโม้กับเพื่อน อิอิ





 เมื่อถึงแล้วเราก็ไปฝากระเป็นไว้ที่ตู้ล็อคเกอร์ บอกแล้วว่าเรามาแบบ Backpack คือแบกกระเป็นเที่ยว แต่ด้วยขนาดสัมภาระมันหนักมากกกกกกกกก เราเลยต้องหาจุดฝากระเป๋ากันก่อนไปเที่ยวค่ะ


ขนาดของล็อคเกอน์มีหลายไซส์ค่ะ เราไปกัน 4 คน เป้คนละใบเลยเลือกขนาด 700 เยน มีที่เก็บเหลือเฟือ อ๋ออออ อย่าลืมเอาของที่จำเป็นออกมาด้วย เพราะล็อคเกอร์จะเปิดได้ครั้งเดียวเท่านั้น เช็คของกันดีๆนะคะ เดี๋ยวเสียเงินสองรอบไม่รู้ด้วยนะ!!!




ที่เที่ยวแห่งแรกของเราเป็นศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ เป็นสถาที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ของเมืองเกียวโต จุดไฮไลท์คือมีเสาสีแดงเรียงต่อกันเป็นหมื่นต้น สำหรับค่าเข้าชม ฟรีค่ะ เปิดให้เยี่ยมชมตลอดเวลา หากท่านใดมีโอกาส แนะนำให้แวะไปดูความสวยงามและความศักดิ์สิทธ์ได้ที่ศาลเจ้าแห่งนี้นะคะ 







จากนั้นไปซื้อตั๋วรถบัสแบบ One Day Pass เพื่อไปเที่ยวรอบเมืองกันเลย เราจะเลือกเที่ยวเฉพาะฝั่งขวาของเกียวโต เพราะเวลาที่จำกัด ถ้ามีโอกาสรอบหน้าคงไปเก็บที่เที่ยวในเกียวโตให้หมด เพราะแต่ละที่น่าสนใจม๊ากมาก







วิธีจ่ายเงินง่ายมากกกกกกกกก ใครมีตั๋วก็เสียบลงไปตรงช่องด้านล่าง แล้วตั๋วก็จะผ่านขึ้นมาให้เราดึงช่องบนเหมือน BTS ไทยนั่นแหละ   ส่วนใครไม่มีตั๋ว ให้เหรียญหยอดได้เลย



ที่เที่ยวแห่งที่สองคือวัดกินคะคุจิ หรือวัดเงินนั่นเอง บรรยากาศที่นี่เย็นสบายมากๆเลยค่ะ มีนักท่องเที่ยวแต่งชุดประจำชาติญี่ปุ่นต็มเมืองคิดว่าอยู่ในสมัยก่อนของญี่ปุ่นกันซะอีก ได้ฟิลไปอีกแบบค่ะ






จากนั้นเราไปต่อกันที่วัดคิโยมิสึ หรือวัดน้ำใสกันค่ะ ทางเข้าจะเต็มไปด้วยร้านขายของจนสุดทางถึงวัด เดินขึ้นเนินเพลินๆก็ไปถึงวันแล้ว  แต่!! ข้างในจะปิดปรับปรุงอยู่ค่ะ เสียดายนิดหน่อย แต่ก็ยังได้เดินชมบรรยากาศหน้าวัด คนเยอะมาก ถือว่าเป็นสถานที่ฮิตของนักท่องเที่ยวเหมือนกันค่ะ  ค่าเข้าชม 300 เยน เปิด 6:00 ปิด 18:00 น. ค่ะ







อันนี้ชอบมากเลย รู้สึกถึงความไฮเทคและความใส่ใจของญี่ปุ่น เพราะบนรถไฟมีปลั๊กไฟให้ใช้ด้วย
ด้วยความอยากลอง เลิกหยิบปลั๊กพ่วงที่พกมาด้วยมากชาร์ตอุปกรณ์ไอทีของเราจนแบตเต็ม เริ่ดค่ะ!!





เก็บของ เช็คอินเข้าโรงแรมแล้ว ก็ออกไปหาข้าวเย็นและช็อปกันที่ย่านนัมบะ แล้วไปตามหาป้ายไฟกูลิโกะ ที่ใครไปถึงโอซาก้า เป็นต้องถ่ายรูปอัพลงโซเชียลกันเป็นแถว








ภารกิจวันนี้ก็สำเร็จแล้วค่ะ!!


ติดตามภารกิจของเราในวันถัดไปว่าจะสำเร็จไหม อย่าลืมติดตามกันนะคะ

























ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

King Power Lounge ณ สนามบินดอนเมือง (สำหรับลูกค้าทั่วไป)

BOXTEL ห้องพักชั่วคราวสำหรับคนที่รอต่อเครื่องนาน (สุวรรณภูมิ)

Lounge Kingpower ใหม่สำหรับสมาชิกบัตรทั่วไป (ใหม่ล่าสุด)